Last updated: 13 Sep 2022 |
ตำนานเพชรโคอินัวร์ (Koh-I-Noor Diamond) เพชรยอดมงกุฎแห่งราชวงศ์อังกฤษ
เพชรโคอินัวร์เป็นหนึ่งในเพชรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด จากบันทึกพบว่ามีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ประเทศอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1304 เพชรโคอินัวอยู่ในการครอบครองของราชาแห่งมัลวา (Rajah of Malwa) หลังจากนั้นประมาณ 2 ทศวรรษ ได้ถูกชาวโมกุลยึดดินแดน จึงตกอยู่ในการครอบครองของจักรพรรดิแห่งโมกุล โดยนำไปประดับไว้ที่ตาข้างหนึ่งของนกยูงประดับบัลลังก์ ในปี ค.ศ. 1739 ชาวเปอร์เซียได้บุกยึดดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย จักรพรรดิโมฮัมเหม็ดซาห์แห่งโมกุล (Emperor Mohammed Shah) ได้ซ่อนเพชรเม็ดนี้ไว้ในผ้าโพกพระเศียรตลอดเวลา แต่ความลับนี้ได้ถูกล่วงรู้โดยแม่ทัพแห่งเปอร์เซีย นาเดอร์ ชาห์ (Nadir Shah) จึงได้ออกอุบายเชื้อเชิญจักรพรรดิโมฮัมเหม็ดให้มาร่วมเสวยพระกระยาหาร และรับชมการแสดงตามธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณ ในระหว่างนั้น จึงออกอุบายขอแลกเปลี่ยนผ้าโพกพระเศียรซึ่งกันและกัน ทำให้จักรพรรดิโมฮัมเหม็ดไม่สามารถปฏิเสธได้เลย หลังจากได้ผ้าโพกพระเศียรมาแล้ว นาเดอร์ ชาห์ ก็คลี่ผ้าโพกพระเศียรออก และทันทีที่ได้เห็นเพชรเม็ดงาม ได้เผลออุทานออกมาว่า โคอินัวร์ (Koh-I-Noor) ซึ่งแปลว่า ภูเขาแห่งแสงสว่าง (Mountain of Light) จึงเป็นชื่อที่เรียกกันต่อๆกันมา
ในปี ค.ศ. 1833 เพชรโคอินัวร์ได้กลับไปอยู่ในมือของชาวปุนจาบแห่งอินเดีย (Punjab) จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1850 เพชรเม็ดนี้ได้ถูกนำขึ้นถวายพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1862 มีรับสั่งให้ทำการตัด และเจียระไนใหม่เพื่อให้มีไฟดีขึ้น ทำให้น้ำหนักลดลงจากเดิมที่มีน้ำหนัก 186 กะรัต ถูกเจียระไนใหม่เหลือ 108.93 กะรัต และถูกนำไปประดับเป็นเพชรเม็ดกลางของมงกุฎ เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร ประดับที่ยอดมงกุฏ สำหรับใช้ในพระราชพิธีสวมมหามงกุฎของพระราชินีเอลิซาเบธและพระเจ้าจอร์ชที่ 6 โดย ตั้งโชว์อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Tower of London โดยมีเพชรคัลลินัน 1 และเพชรคัลลินัน 2 ที่มีชื่อเสียงอีก 2 เม็ดจัดแสดงอยู่ใกล้ๆกัน